ฟิค [Hiccstrid] Love or Hate (completed)

                                                       
Love or Hate
:: Hiccup x Astrid ::
Modern AU

(Short Fiction)


"แอสทริด ยืมปากกาหน่อย" เสียงกระซิบดังขึ้นมาจากที่นั่งด้านหลังของเจ้าของชื่อ เด็กสาวผม บลอนด์กรอกตาก่อนจะตอบไปอย่างรำคาญ โดยที่ไม่หันกลับไปมองคนข้างหลัง
"ไม่มี"
"ดินสอก็ได้" คู่สนทนาพยายามต่อรอง "ไม่เอาน่าแอสทริด ฉันรู้ว่าเธอมีทั้งปากกาทั้งดินสอ ฉันขอยืมเขียนงานส่งแป๊บเดียวเอง"
แอสทริดเอนเก้าอี้ไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะตอบเสียงแข็ง แน่นอนว่าเธอไม่ได้หันกลับไป "ไม่"
แต่ก่อนที่เธอจะปรับเก้าอี้ให้เข้าที่ แอสทริดรู้สึกถึงแรงดึงที่พนักพิง มันแรงพอที่จะทำให้เก้าอี้ที่เธอนั่งเสียสมดุลและหงายหลังลงอย่างจัง แน่นอนตัวเธอเองก็ร่วงลงไปกองกับพื้นด้วยเช่นกัน
 "ฮิคคัพ!!" แอสทริดเอ่ยชื่อคนที่นั่งด้านหลัง สายตาจ้องเขม็งไปที่เจ้าของชื่ออย่างเกรี้ยวกราด เธอค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนตั้งท่าจะกระโจนเข้าไปหาฮิคคัพ ไม่แคร์ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่จะตกเป็นเป้าสายตาคนทั้งห้อง "ตายไปซะ!"
"โว้ว ใจเย็นแม่นางน้อย" ฮิคคัพจงใจยั่วโมโห เขากระตุกยิ้มที่มุมปากพลางยกมือขึ้นห้ามแอสทริดที่ตั้งท่าจะเข้ามาบีบคอเขา "เก้าอี้มี4ขา เธอนั่ง2ขา มันจะล้มก็ถูกแล้ว เธอทำตัวเอง"
"นายดึงพนักพิง! ไอ้--" 
"พอกันที! ทั้งคู่เลย!!" ยังไม่ทันที่แอสทริดจะพูดจบ ก็ถูกอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่พูดแทรกขึ้น เขาจ้องนักเรียนชายหญิงคู่นี้อย่างตำหนิ ก่อนจะพูดต่อ "ฮอฟเฟอร์สันกลับเข้าไปนั่งที่ดีๆ ส่วนแฮดด็อคทำรายงานของตัวเองให้เสร็จ แล้วหลังเลิกเรียนพวกเธอทั้งคู่มาพบครูที่ห้องกักบริเวณด้วย"
"ทำไม?" แอสทริดถาม หน้าเธอซีดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเธอห้องกักบริเวณเป็นที่ของพวกตัวแสบที่ชอบแหกกฎ (ยกตัวอย่างเช่นฮิคคัพ) เธอที่เป็นนักเรียนดีเด่นมาตลอด ไม่เคยเฉียดเข้าห้องนั้นซักครั้ง
            "จดหมายสำนึกผิด พวกเธอต้องเขียนคนละ20ฉบับ โทษฐานก่อกวนการเรียนการสอน"
            "แต่หนูยังไม่ได้อะไรเลย หมอนั้นดึงพนักพิง!" เธอพยายามอธิบาย มือชี้ไปที่คู่กรณี
"เพิ่มเป็น30สำหรับฮอฟเฟอร์สัน กลับไปนั่งที่ได้" สิ้นสุดคำพูด แอสทริดก้มหน้า เธอยกเก้าอี้ที่ล้มอยู่ขึ้นก่อนจะนั่งลงทำรายงานต่ออย่างสลด
"ไอ้เลว..." แอสทริดพึมพำ ฮิคคัพมองสาวผมบลอนด์ที่สลดอย่างเห็นได้ชัดจากด้านหลัง เขารู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย แต่...ก็แค่นิดหน่อย เธอเกลียดเขาอยู่แล้ว มันคงไม่มากไปกว่านี้แล้ว ฮิคคัพถอนหายใจก่อนจะหยิบปากกาออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วเริ่มลงมือทำรายงาน
     
---------------------------------------------------------------

สาวผมดำนั่งมองเพื่อนรักของตนนั่งเหม่อ พักกลางใกล้หมดแล้ว แต่แซนด์วิชในมือของแอสทริดยังไม่หมด ส่วนเฮทเธอร์นั้นก็เริ่มหมดความอดทนแล้ว เธอตบโต๊ะเพื่อเรียกร้องความสนใจจนแอสทริดสะดุ้งโหยง
"โอเค สาวน้อย อาการเป็นไงบอกมาซิ" เฮทเธอร์ถาม
"เธอต้องไม่เชื่อแน่ว่าญาติเธอทำอะไรฉัน" แอสทริดตอบหลังตั้งสติได้ ก่อนจะกินแซนด์วิชอย่างโมโห "ไอ้หมอนั้นทำฉันถูกทำโทษ ต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดตั้ง30ฉบับ!!"
"อันที่จริง เรื่องนั้น...ฮิคคัพส่งข้อความมาบอกแล้ว" เฮทเธอร์ตอบ แอสทริดจ้องเธอเขม็ง "ที่อยากรู้คือเธอเครียดอะไรมากกว่า แบบว่าถึงจะเป็นครั้งแรกที่เธอถูกทำโทษ แต่เธอรู้ใช่ไหมว่ามันไม่มีผลต่อโปรไฟล์เรียนต่อ ที่จะบอกคือ...ไม่เห็นต้องเครียดขนาดนั้น"
"ไม่ได้เครียดเรื่องจดหมาย" เธอว่าพลางเคี้ยวแซนด์วิชอยู่เต็มปาก "แค่...หลังเลิกเรียนต้องติดอยู่กับหมอนั้นจนกว่าจะเขียนจดหมายครบ มัน...อ๊าก จะบ้าตาย" 
"ต่างคนต่างอยู่ไปซิ ยากอะไร" เฮทเธอร์ตอบ เธออมยิ้มเมื่อมองท่าทีบึ้งตึงของเพื่อนรัก "ถามจริงเหอะแอส ทำไมเธอเกลียดญาติฉันนักหนา"
"เธอก็เห็นเวลาเขากวนประสาทฉัน"
"นั่นมันหลังเธอเมินเขา ก่อนหน้านี้พวกเธอสนิทกันนี่"
"เขาให้เธอมาถามหรอ"
"เปล่า แบบ ฮิคคัพเป็นญาติฉันก็จริงแต่เธอเป็นเพื่อนรักฉันนะ ต่อให้เขาใช้ให้ทำก็ไม่ทำหรอก อันนี้แค่ความอยากรู้ส่วนตัว" เฮทเธอร์ร่ายยาวก่อนจะวรรค "เรียกว่าเสือกก็ได้นะอันที่จริง ไม่โกรธหรอก"
"เธอพูดเองนะ ยัยขี้เสือก" แอสทริดพูดเชิงหยอกล้อ
"ยอมรับ แล้ว...บอกได้หรือยัง?"
"ต้องไปแล้ว" แอสทริดเมินคำถาม เธอกวาดของ ๆ เธอลงกระเป๋าสะพายก่อนจะบอกลาเพื่อนรักผมดำแล้ววิ่งออกไป "บาย!"
"อืม เค" เฮทเธอร์ตอบอย่างเบื่อหน่าย เธอโดนทิ้งอีกแล้ว โดนทิ้งไว้กับคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ  เฮทเธอร์มองตามแอสทริดไปจนลับสายตา เธอจึงเริ่มเก็บข้าวเก็บของแล้วลุกออกไป
     
--------------------------------------------------------------- 


 แอสทริดเอามือข้างนึงเท้าคาง มือข้างที่ถนัดเล่นควงปากกาอย่างเหม่อลอย เธออยู่ในห้องกักบริเวณเพื่อเขียนจดหมายสำนึกผิด แต่ในหัวกลับมีแต่คำถามของเฮทเธอร์ที่คุยกันล่าสุด นั่นทำให้เธอไม่มีสมาธิ
หลายคนเข้าใจเธอผิด แอสทริดไม่ได้เกลียดฮิคคัพ 
เธอยังจำได้ เมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่ฮิคคัพกับเฮทเธอร์ย้ายเข้ามาใหม่ๆ เธอเป็นคนรับผิดชอบพาพวกเขาทัวร์โรงเรียน ความจริงแล้วแอสทริดดูเหมือนจะสนิทกับฮิคคัพมากกว่าเฮทเธอร์เสียอีก แต่ก็นั้นแหละ...ดูเหมือนว่านอกจากเฮทเธอร์ สาว ๆ คนอื่นจะไม่ค่อยชอบใจกับเรื่องนี้นัก เหล่าแฟนคลับของฮิคคัพตามระรานเธอไปทั่ว แอสทริดเป็นคนขี้รำคาญ บวกกับการที่เธอไม่อยากมีปัญหากับใครระหว่างเรียน เธอจึงแยกตัวออกมาจากทั้งคู่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอกับเฮทเธอร์ก็ยังสนิทกันอยู่
แอสทริดส่ายหัว พยายามมีสมาธิกับกับงานตรงหน้า เธอเหลืออีก 5 ฉบับเท่านั้น ฮิคคัพเขียนจดหมายเสร็จและกลับไปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเธอคนเดียวในห้องนี้ เธอถอนหายใจพรืดก่อนจะเร่งมือเขียนจดหมายเมื่อพบว่าตอนนี้เวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว
            บ้าชิบ
---------------------------------------------------------------

            ชายผมสีน้ำตาลนั่งกอดเข่าอยู่หน้าห้องกักบริเวณ ฮิคคัพซุกหน้าลงกับเข่าพลางกระดกตัวไปมาเหมือนม้าโยก เขานั่งอยู่ท่านี้มาครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากออกมาจากห้อง นั่งรอคนที่โดนทำโทษด้วยกันออกมา เขาแค่รอเพื่อจะ ขอโทษ เรื่องเมื่อเช้า
            เขาคิดว่าตัวเองเล่นแรงไปหน่อย อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะดึงจนเก้าอี้ล้ม แค่ตั้งใจจะให้แอสทริดตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง ฮิคคัพรู้เธอเหม็นหน้าเขา แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้า เขาคิดว่าเธอคงเกลียดเขาเรียบร้อย
“เฮ้อ” ฮิคคัพถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางคิดถึงเรื่องในอดีต เมื่อก่อนตอนย้ายมาใหม่ ๆ พวกเขาเคยสนิทกัน...สนิทกันมาก
            แต่หลังจากนั้นครึ่งปีทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป แอสทริดเริ่มเมินเขา ไม่คุยเล่น ไม่ทักทาย เธอเย็นชาใส่เขา แต่กับเพื่อนคนอื่นหรือแม้แต่เฮทเธอร์ เธอยังปกติดี ตอนแรกฮิคคัพคิดว่าแอสทริดโกรธเพราะเขาทำหนังสือนิยายเล่มโปรดเธอหาย เขาจึงซื้อเล่มใหม่มาคืนเพื่อขอโทษ แอสทริดรับมันไว้ก็จริง แต่เธอก็ยังเมินเขาอยู่ นั่นทำให้ฮิคคัพรู้สึกแย่ ใครจะชอบการถูกคนที่ชอบเมิน...
            ฮิคคัพยอมรับว่าคิดกับแอสทริดเกินเพื่อน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเพราะขนาดหน้าเขาเธอยังไม่มอง ทางเดียวที่พอจะเรียกร้องความสนใจจากเธอได้คือการกวนประสาทเธอไปวัน ๆ ถึงเขาจะไม่ชอบเวลาเถียงกับเธอ แต่มันดีกว่าการที่แอสทริดเงียบใส่เขาเป็นไหน ๆ
            เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นเรียกเขาออกจากภวังค์ ฮิคคัพเงยหน้าขึ้นมองคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องกักบริเวณก่อนจะรีบพยุงตัวลุกขึ้น แอสทริดมองคนตรงหน้าที่กำลังลุกจากพื้น เธอกรอกตามองบนก่อนจะเดินปึงปังออกไป
            “เฮ้ แอส” ฮิคคัพตะโกนเรียก แต่ไร้การตอบกลับ เขาเดินตามและพูดต่อ “เฮ้! ฟังก่อนสิ หยุดเดินก่อน”
            “ไม่” แอสทริดพูดพลางเร่งฝีเท้า ตอนนี้เย็นมากแล้ว เธออยากกลับบ้านมากกว่าเสยเวลาทะเลาะกับเขา
            “โอเค งั้นเดินไปคุยไป” เขาพูด พยายามเร่งฝีเท้าตามเธอ
            “ไม่”
            “ช่วยพูดคำอื่นได้มั้ยเนี่ยแอสทริด ศัพท์ในหัวเธอมีอยู่คำเดียวหรือไง” ฮิคคัพพูดอย่างเหลืออด ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเสมอไหล่ เขาผงะถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่ออยู่ ๆ คนที่เดินนำก็หันกลับมาจ้องเขาอย่างเอาเรื่อง ฮิคคัพถามเลิ่กลั่ก “อะ อะไร”
            “เลิกตาม แล้วไสหัวกลับบ้านตัวเองไปเลยไป!” แอสทริดพูดเสียงดังก่อนจะหันไปอีกทาง มุ่งหน้าเดินตรงไปประตูทางออก อย่างน้อย ๆ ฮิคคัพก็แน่ใจแล้วว่าในหัวเธอมีศัพท์คำอื่นอีก
            “ฉันแค่จะมาขอโทษเรื่องเมื่อเช้า” ฮิคคัพว่า ขายังคงเดินตามเธอไม่หยุด “สาบานได้ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เก้าอี้ล้ม เธอคงเอนมาเยอะไป ฉันดึงนิดเดียวมันก็ลื่นแล้ว” เขาผงะอีกครั้งเมื่อเธอหันกลับมาจ้องเขาเขม็งหลังฮิคคัพอธิบายจบ นี่ไม่ใช่ว่ายิ่งทำให้เธอโกรธกว่าเดิมหรอกนะ
            แอสทริดหันกลับ ตรงดิ่งไปที่ทางออกอาคาร นักเรียนในโรงเรียนเหลือน้อยแล้วแต่ยังคงมีพวกนักกิจกรรมหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ไม่ว่ายังไงแอสทริดก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่หากพวกแฟน ๆ ของฮิคคัพเห็นเธอคุยกับเขา เธอรู้ว่าคนพวกนั้นประสาท ฉะนั้นเธอจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยว
            ถึงประตูทางออกแอสทริดชะงัก เมื่อเห็นว่าฝนกำลังตก ให้ตายเถอะ!
            “แย่จัง” ฮิคคัพพูดจากด้านหลังเธอเสียงปกติ แต่สำหรับแอสทริดมันช่างฟังดูกวนประสาทสิ้นดี มันจะแย่ยังไงในเมื่อเขาขับรถมา แอสทริดเริ่มหัวเสีย “เธอกลับไง”
            แอสทริดเมินคำถาม มือกดโทรศัพท์พยายามติดต่อใครสักคนก่อนหันหลังให้ฮิคคัพ เขามอง   แอสทริดเอาโทรศัพท์แนบหู ก่อนจะเอาออกด้วยท่าทางหงุดหงิด เหมือนว่าคนที่เธอพยายามติดต่อคงไม่ว่างรับสาย ฮิคคัพยืนมองเธอสักพักวิ่งเหยาะ ๆ ลุยฝนออกไปมุ่งตรงไปทางลานจอดรถข้างอาคาร โชคดีที่ฝนตกไม่แรงเท่าไหร่
            ใช้เวลาไม่นานฮิคคัพก็ขับรถมาจอดหน้าอาคารที่เขาเพิ่งออกมาเมื่อครู่ หวังจะวนรถมารับแอสทริด เขาคิดว่าเธอคงอยู่รอจนฝนหยุดค่อยเดินกลับ แน่นอน ฮิคคัพรู้ว่าเธอเดินทางไปกลับโรงเรียนด้วยการเดิน เขาแค่ถามไปอย่างนั้นเองว่าเธอกลับยังไงเพราะอยากจะชวนคุย แต่เมื่อมาถึงหน้าอาคารแอสทริดก็ไม่อยู่เสียแล้ว
            อ้าว...
          เสียงในหัวดังขึ้นด้วยความผิดหวัง ฮิคคัพคอตก เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะขับรถออกไป นัยน์ตาสีเขียวที่หมองลงเมื่อครู่กลับมามีประกายอีกครั้งเมื่อเขาสังเกตเห็นสาวผมบลอนด์เดินอยู่ท่ามกลางสายฝนอย่างเร่งรีบ มองจากข้างหลังก็รู้ว่าเป็นแอสทริด เขาไม่เห็นกระเป๋าเธอแสดงว่าเธอคงเอามันมากอดไว้ข้างหน้า แน่ล่ะ แอสทริดรักหนังสือ เธอไม่อยากให้ของ ๆ เธอโดนน้ำฝนนี่หรอก ฮิคคัพเผลอยิ้มออกมาก่อนจะขับรถตรงไปทางเธอ
            เสียงแตรรถยนต์ที่ดังขึ้นทำให้คนที่ยืนลุยฝนสะดุ้ง แอสทริดตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ฮิคคัพจอดรถข้างเธอก่อนจะลดกระจกลง นั่นทำให้แอสทริดปรี๊ดแตกทันที
            “พอกันทีฮิคคัพ! เมื่อไหร่นายจะ—”
            “เดี๋ยวฉันไปส่ง แม่นางน้อย” ฮิคคัพพูดแทรกโดยที่แอสทริดยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาไม่อยากให้เธอตากฝนไปมากกว่านี้แล้ว “ถือเป็นการขอโทษเรื่องเมื่อเช้า”
            แอสทริดไม่ตอบ แต่เธอมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด เขารู้เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาแต่เธอไม่มีตัวเลือก ฝนเริ่มตกหนักขึ้นแล้ว และ...
            “แอสทริด เธออยากให้หนังสือในกระเป๋าบวมน้ำหรอ” เขาถามลองเชิง สังเกตเห็นว่าเธอกอดกระเป๋าของเธอแน่นขึ้น ฮิคคัพเลื่อนกระจกขึ้น ทำท่าจะขับรถออกไปก่อนจะยิ้มอย่างผู้มีชัย “โอเค งั้นไป---”
            “ก็ได้ ก็ได้” ฮิคคัพยังพูดไม่จบก็ถูกแอสทริดพูดแทรกขึ้น เธอยอมแพ้ แอสทริดเดินไปเปิดประตูรถและกระชากมันออกอย่างก่อนจะดึงปิดอย่างแรงจนฮิคคัพสะดุ้ง เขาหันไปมองเธอช้า ๆ แต่ยังไม่กล้ามองเธอเต็ม ๆ แอสทริดพูดเสียงแข็งพลางเช็คหนังสือในกระเป๋า “แต่ไม่ได้หมายความว่ายกโทษให้หรอกนะ”
            “โอ~เค” เขาพูด ก่อนจะเลื่อนมือไปปรับฮีทเตอร์เมื่อสังเกตว่าคนข้าง ๆ เริ่มสั่นเพราะความหนาว “คาดเข็มขัดด้วย” ฮิคคัพพูดขึ้นก่อนจะขับรถออกไป


---------------------------------------------------------------

ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคู่ ไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน แอสทริดเอาแต่ทอดสายตาออกไปนอกรถ มองสายฝนที่กระหน่ำลงมา ฮิคคัพเม้มปากเหมือนต้องการจะพูดบางอย่างพลางเหลือบมองคนข้าง ๆ เป็นระยะขณะขับรถ ตอนแรกเขาคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้คุยกับเธอ ปรับความเข้าใจและกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรืออย่างน้อย ๆ แค่ให้เธอเลิกเมินใส่เขาก็ยังดี แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด บรรยากาศในรถตอนนี้แย่เกินกว่าที่เขาคิด หรืออาจเพราะตัวเขาเกิดปอดแหกไปเอง
"อะ แอสทริด" เมื่อทนความอึดอัดไม่ได้อีกต่อไป ฮิคคัพจึงตัดสินใจพูดออกมา แอสทริดไม่ได้ขานตอบแต่เธอละสายตาจากถนนและหันมามองเขา "ฉัน...ขอโทษ"

แอสทริดเลิกคิ้ว แสดงความสงสัยอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงไม่พูดกับเขา
"ที่...ทำเธอโดนทำโทษวันนี้..." ฮิคคัพเหลือบมองคู่สนทนา เพื่อเช็คว่าเธอยังคงฟังเขาอยู่ "แล้วก็ขอโทษ สำหรับทุกเรื่อง"
แอสทริดมองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด ทุกครั้งที่เขาพยายามคุยกับเธอ ฮิคคัพเอาแต่พูดว่าขอโทษทั้งที่เขาไม่ผิดอะไรเลย แอสทริดรู้ดีที่เขากวนประสาทเพราะหาเรื่องคุยกับเธอ แม้จะใจแข็งแค่ไหน แต่ก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ เธอคิดว่าเธอควรพูดอะไรบ้าง แต่ถูกเขาขัดเสียก่อน
"ถึงแล้ว" เขาพูดขึ้น แอสทริดสังเกตว่าเขาจอดรถที่หน้าบ้านเธอพอดี "โทษทีนะ ฉันไม่มีร่ม เธอคงเปียกนิดหน่อยตอนเดินเข้าบ้าน"
"หุบปากไปเลย" แอสทริดพูดเสียงเรียบก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตนออก เธอไม่ได้โกรธเขา เพียงแต่ไม่อยากได้ยินเขาพูดขอโทษไปมากกว่านี้ มันทำให้เธอรู้สึกแย่กับตัวเอง
"โทษที"

ขอโทษอีกแล้ว...แอสทริดคิด

เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันไปมองหน้าเขาตรง ๆ ฮิคคัพผงะนิดหน่อยเมื่ออยู่ ๆ คนข้าง ๆ ก็หันมา เขาสูดหายใจเตรียมพร้อมรับคำด่าจากเธอ แต่...
"เมื่อไหร่จะเลิกพูดขอโทษ" เธอถาม น้ำเสียงแสดงความอ่อนใจ แอสทริดไม่ได้รอให้เขาตอบ เธอพูดต่อ "เลิกขอโทษตอนที่นายไม่ได้ทำอะไรผิดสักที นายทำให้ฉันดูแย่แล้วก็รู้สึกแย่ด้วย"
ฮิคคัพขมวดคิ้ว หันหน้ากลับมองตรงไปที่ถนนอย่างไม่รู้จะทำ หรือพูดอะไรดี
แอสทริดมองเขาอย่างอ่อนใจ เธอเปิดกระเป๋าค้นหาบางอย่าง ก่อนจะหยิบมันออกมาและส่งให้คนข้าง ๆ "อ่ะ เอาไป"
ฮิคคัพหันกลับมา มองสิ่งที่เธอยื่นให้ ก่อนจะรับมันมา "ปากกา?"
"ของนาย" แอสทริดตอบ "มันตกอยู่ในห้องกักบริเวณ"  เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะวางไว้หน้ารถ
"ขอบใจ"
"พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมายืมอะไรอีกนะ" แอสทริดหลบตา "ขอบคุณที่มาส่ง"
"เดี๋ยวก่อน" ฮิคคัพรีบคว้าข้อมือของคนที่กำลังเปิดประตูรถ แอสทริดขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจก่อนหันกลับมามองเขา "อยู่คุยกันก่อนไม่ได้หรอ"
แอสทริดแสดงสีหน้าลำบากใจอย่างไม่ปิดบัง เธอเลือกที่จะไม่ตอบ แต่ก็ไม่ลงจากรถด้วยเช่นกัน

"แปลว่าโอเคสินะ" ฮิคคัพพูดก่อนปล่อยมือจากเธอ ตอนนี้เขาได้โอกาสแล้ว แต่ฮิคคัพก็ยังคงเป็นฮิคคัพ...เขาไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเธอ
ไม่รู้เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่ได้คุยกันดีๆ นานเกินไปหรือเปล่า แต่ฮิคคัพทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์แบบนี้ เขาชินกับการกวนประสาทแอสทริดไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไง ควรถามเธอไปตรง ๆ เลยดีไหมว่าทำไมถึงเย็นชาใส่เขา หรือควรชวนคุยเรื่องทั่วไปแบบที่พวกเขาเคยคุยกันเมื่อก่อน เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรทำอย่างไร
"ตกลงจะคุยเรื่องอะไร" กลายเป็นแอสทริดที่ทำลายความเงียบ เธอรู้ว่าเขาอยากพูดบางอย่างกับเธอ แต่เขาไม่พูดซักที นั่นทำให้แอสทริดเริ่มหงุดหงิด "รู้มั๊ย ถ้านายยังไม่รู้จะพูดอะไร หรือไม่มีอะไรจะพูด ฉันจะเข้าบ้านแล้ว"
"โอเค ๆ" ฮิคคัพรีบสวนขึ้น เขาสูดหายใจเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับแอสทริด "เธอ...ยังโกรธเรื่องหนังสืออยู่หรอ"
ฮิคคัพรู้สึกอยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากพูดสักนิด บ้าจริง!
"เปล่า" แอสทริดตอบ
"ละ แล้วเธอโกรธฉันเรื่องอะไร?" ฮิคคัพถาม น้ำเสียงและสีหน้าแสดงความประหลาดใจ "แบบฉันคิดว่าเธอโกรธฉันมาก ๆ เพราะเรื่องหนังสือ เธอไม่คุยกับฉันดี ๆ เหมือนคุยกับเฮทเธอร์"
"ไม่ได้โกรธ แค่ไม่อยากคุย ไม่อยากยุ่งด้วย" แอสทริดตอบตรง ๆ เธอเองก็เบื่อที่เขาคอยกวนประสาท เธอคิดว่าหากตอบไปตรง ๆ เขาน่าจะเข้าใจและเลิกยุ่งกับเธอไปเอง แม้คำตอบนั้นจะใจร้ายไปหน่อยก็ตาม "ทีนี้เข้าใจแล้วใช่มั้ย หลังจากนี้ก็เลิกกวนประสาทฉันได้แล้ว"
ฮิคคัพช็อคกับคำตอบ ถ้าเพียงแค่เธอโกรธ หรือไม่พอใจอะไร เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างให้พวกเขากลับไปคุยเล่นกันเหมือนเดิม แต่คำตอบของเธอมันบอกเป็นนัยอยู่แล้วว่าเธอ 'รำคาญ' หรือเลวร้ายกว่านั้นคือ เธอ 'เกลียด' เขาจริง ๆ 
"เข้าใจแล้ว" เขาพูดเสียงเบา "เธอ...เข้าบ้านไปเถอะ"
แอสทริดหายใจติดขัดเมื่อสบกับดวงตาสีเขียวที่หมองลง เธออยากพูดบางอย่าง แต่ตัดสินใจไม่พูดออกไป แอสทริดลงจากรถและเดินกลับเข้าบ้าน ทันทีที่เธอปิดประตูเสียงรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไป ฮิคคัพกลับไปแล้ว และเธอคิดว่าเขาคงเกลียดเธอเรียบร้อยเช่นกัน
"แบบนั้นแหละ ดีแล้ว..."

สาวผมบลอนด์เดินตรงเข้าห้องนอนอย่างเหนื่อยล้า แต่เธอไม่แน่ใจว่าเหนื่อยกายหรือเหนื่อยใจกันแน่ แอสทริดนั่งที่โต๊ะทำงานก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา มันเป็นหนังสือที่ฮิคคัพซื้อมาคืนเพราะทำของที่ยืมเธอไปหาย มือเรียวค่อย ๆ เปิดไปที่หน้ารองปกที่มีโพสอิทติดอยู่ ก่อนจะอ่านข้อความบนนั้น

ถึง แม่นางน้อย
ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่า จำไม่ได้ว่าวางของเธอไว้ไหน รู้อีกทีก็หายไปแล้ว
 แต่อย่างเพิ่งโกรธนะ ฉันซื้อมาใช้คืนแล้ว นี่ไง!!
หวังว่าเธอจะไม่โกรธกันนะ ^^
ปล. ฉันหาซื้อปกแบบของเธอไม่ได้ เหมือนว่าปกแบบของเธอจะเลิกพิมพ์ไปแล้ว 
ฮิคคัพ

แอสทริดปิดหนังสือ อมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่ออ่านข้อความบนโพสอิทจบ สายตามองไปที่ชั้นหนังสือที่มีนิยายวางเรียงอยู่เต็มไปหมด เธอโฟกัสไปที่หนังสือเล่มเดียวกับที่อยู่ในมือ แน่นอน...มันคนละปกกัน
เขาไม่ได้ทำหนังสือเธอหาย เขาแค่วางลืมไว้และเธอก็เป็นคนเก็บเอาไว้ เหมือนกับปากกาดินสอที่ฮิคคัพมักลืมหลังใช้เสร็จ
แอสทริดยิ้มปนเศร้า พรุ่งนี้ฮิคคัพและเธอคงไม่ได้คุยกับเธออีกแล้ว อันนี้จริงเธอควรดีใจ แต่กลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด แอสทริดส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะลุกไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน

---------------------------------------------------------------

"เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับแอสทริด" น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ดังมาจากด้านหลัง ฮิคคัพถอนหายใจยาวพลางปิดล็อกเกอร์ก่อนจะหันไปประจันหน้ากับสาวผมดำที่ยืนกอดอกอยู่
"เฮทเธอร์หรอ"
"ใช่ ฉันเอง และนายต้องตอบคำถาม"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ" เขาก่อนก่อนพยายามเดินหนี แต่ถูกเฮทเธอร์ขวางไว้ "ไม่มีจริง ๆ เฮท"
"จะไม่มีได้ไง แอสทริดไม่มานั่งกินข้าวกับฉันเนี่ย" นักเรียนคนอื่นเริ่มมองมาที่พวกเขาเมื่อเฮทเธอร์ขึ้นเสียง ฮิคคัพยิ้มเจือนให้นักเรียนพวกนั้น "นายบอกฉันว่าได้โอกาสคุยกับเธอ นายไปส่งเธอกลับบ้าน ทุกอย่างควรดีขึ้น แต่นี่อะไร กลายเป็นว่าแอสทริดมาโกรธฉันด้วยงั้นหรอ? นายทำอะไรเธอเนี่ย!?"
"ใจเย็นได้มั๊ยเฮท คนมองหมดแล้ว" ฮิคคัพว่า เขาไม่ค่อยชอบเป็นจุดสนใจเท่าไหร่นัก "ไม่มีอะไรจริง ๆ เราคุยกันแล้ว และความจริงคือ แอสทริดเกลียดฉัน"
"เธอพูดงั้นเลยหรอ" เฮทเธอร์เลิกคิ้วอย่างสงสัย
"เธอบอกไม่อยากคุยหรือยุ่งเกี่ยวกับฉัน" เขาพูด เฮทเธอร์สังเกตรอยยิ้มเศร้าเจือนอยู่บนหน้าของฮิคคัพ "นี่มันยังไม่ชัดอีกหรอ ว่าเธอเกลียดจนไม่อยากยุ่งกับฉันน่ะ"
"แต่แอสทริดไม่ได้พูดนี่" เธอพยายามปลอบใจ ตอนแรกเธอโกรธเขา แต่พอเห็นญาติของตนทำหน้าหงอยก็ใจอ่อนทุกที เฮทเธอร์หวังว่าแอสทริดจะเป็นเหมือนเธอถ้าไดเห็นหน้าฮิคคัพตอนนี้ "แอสทริดเป็นคนมีเหตุผล"
"และ...เหตุผลคือ เธอ.เกลียด.ฉัน" ฮิคคัพพูดติดตลก เขาเน้นสามคำหลัง ไม่ใช่เพื่อเฮทเธอร์
แต่เพื่อย้ำกับตัวเองต่างหาก
ฮิคคัพส่ายหัวก่อนถอนหายใจอีกรอบ "ยังไงก็ตาม ถ้าที่แอสทริดไม่คุยกับเธอ มันเป็นความผิดฉันก็ขอโทษ เธอคงรู้สึกแย่ แต่..."
"ฉันไม่โกรธแอสทริดเพราะเรื่องนี้หรอก" เฮทเธอร์พูดแทรกอย่างรู้ทัน แม้จะคอยกวนประสาทแอสทริด แต่ฮิคคัพก็เป็นคนที่แคร์แอสทริดเสมอ
ฮิคคัพยิ้มให้เฮทเธอร์แทนคำขอบคุณ "ให้ไปส่งมั๊ย"
"อะไร จะทำดีลบล้างความผิดหรอ"

"ฟิชเลกบอกฉันหมดแล้ว" เขายิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเลิ่กลั่ก "วันนี้พวกเธอมีเดทกันนี่ ที่โรงหนัง"
เฮทเธอร์หลบตา หน้าเริ่มขึ้นสี
"พวกเธอเหมาะกันดีออก" ฮิคคัพพูดอย่างอารมณ์ดีพลางเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะพบว่า...มันว่างเปล่า
"เป็นอะไร" สาวผมดำถามเมื่อเห็นว่าอยู่ ๆ ญาติของเธอก็เงียบไป แล้วเปิดตู้ล็อกเกอร์เหมือนหาอะไรบางอย่าง
"ฉันเอากุญแจไว้นะ" ฮิคคัพหันมาถาม ขณะที่มือยังรื้อของในตู้อยู่ "ฉันหาไม่เจออ่ะ"
"ถามฉันแล้วฉันจะรู้ด้วยมั๊ย" เฮทเธอร์โวย ตอนแรกเธอดีใจที่เขาจะไปส่งแต่ตอนนี้ไม่แล้ว เฮทเธอร์มองคนที่หากุญแจอย่างร้อนรน เธอส่ายหัวอย่างระอาก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เฮทเธอร์มีนัดตอน5โมง เหลืออีก1ชั่วโมงก่อนเวลานัด เธอมองฮิคคัพที่ยุ่งกับการรื้อล็อกเกอร์ตัวเองก่อนหยิบหูฟังขึ้นมาหวังจะฟังเพลงเพื่อฆ่าเวลา ตอนนั้นเองที่โทรศัพท์เธอดังขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีคนโทรเข้ามา เฮทเธอร์เดินออกมาจากบริเวณที่ฮิคคัพยืนอยู่เมื่อเห็นว่าเป็นแอสทริดที่โทรเข้ามา
"ว่าไงที่รัก" เฮทเธอร์รับสายเสียงหวาน เธอสังเกตว่าฮิคคัพหันกลับมามองเธอก่อนจะส่ายหัวแล้วหันกลับไป
ฮิคคัพเดาว่าคงเป็นฟิชเลกโทรมาตาม นั่นทำให้เขาร้อนรนรีบหากุญแจ เขาได้ยินเสียงเฮทเธอร์ตอบปลายสายเป็นระยะ

"ยังอยู่ที่โรงเรียน"

"โอเค เดี๋ยวฉันไป"

"ไม่เป็นไร รักเธอเหมือนกัน บาย"

เสียงเฮทเธอร์เงียบไปแล้ว ฮิคคัพหันกลับไปมองเธออย่างรู้สึกผิด "เธอ...ไปเองได้มั๊ย แบบ...ฉันจำไม่ได้ว่าวางไว้ไหน"
"ใช่ รอนายระลึกได้คงไม่ทัน ฉันไปเอง" เฮทเธอร์พูดเสียงเรียบก่อนหันหลังให้เขา ทำเป็นว่ากำลังโกรธ...
"ฮิคคัพวิชาสุดท้ายนายเรียนอะไร" เธอถามก่อนเดินตรงไปทางออก "นายอาจลืมไว้ก่อนมานี่ก็ได้"
"วิชาพละ...จริงด้วย น่าจะอยู่ที่โรงยิม" เฮทเธอร์ยิ้มเมื่อได้ยินเขาพูด ใช่ ถูกต้องฮิคคัพ ไปที่โรงยิมซะ
"ฉันกลับก่อนนะ ขอให้เจอกุญแจล่ะ" เธอพูดทั้งที่ยังหันหลังให้เขา มือพิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ก่อนจะกดส่งไปหาคนที่เพิ่งว่างสาย

---------------------------------------------------------------

10 นาทีก่อน...

("ว่าไงที่รัก") 
“เฮทเธอร์ เธออยู่ไหน”
("ยังอยู่ที่โรงเรียน")
“เธอช่วยมาที่โรงยิมหน่อยได้มั๊ย” สาวผมบลอนด์ถาม ในมือถือกุญแจรถยนต์ที่มีตุ๊กตามังกรสีดำตัวเล็ก ๆ ห้อยอยู่ นั่นทำให้แอสทริดรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ “ฉันว่าญาติเธอทำกุญแจหล่นไว้แถวโรงยิม เธอช่วยมาเอาไปคืนเขาหน่อย”
("โอเค เดี๋ยวฉันไป") เสียงปลายสายที่ฟังดูร่าเริงเกินเหตุทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้ แอสทริดกรอกตาไปมาเชิงล้อเลียนแม้จะรู้ว่าปลายสายไม่เห็นก็ตาม แต่ตอนที่กำลังจะกดวาง เธอก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้...
วันนี้เธอหลบหน้าเฮทเธอร์ทั้งวัน และแอสทริดคิดว่าเธอควรอธิบายเรื่องนี้ให้กับเพื่อนรักเธอฟัง
“เฮทเธอร์ ฟังนะ...” แอสทริดอ้ำอึ้ง พยายามเรียบเรียงคำพูดเธอสุดหายใจเข้าก่อนพูดต่อ “คือ...ฉันขอโทษที่ไม่ได้ไปกินข้าวกับเธอ อันที่จริง...เอาเป็นว่าฉันมีเรื่องต้องคิดเยอะมาก ๆ...”
("ไม่เป็นไร รักเธอเหมือนกัน บาย") เสียงปลายสายที่แทรกขึ้นมาทำให้แอสทริดขมวดคิ้วอย่างงุนงง ก่อนจะงงไปมากกว่านั้นเมื่อเฮทเธอร์กดตัดสายทิ้งโดยที่เธอยังไม่ทันได้ถามอะไร
“อะไรของยัยนั่น” แอสทริดพึมพำกับตัวเอง พยายามติดต่อกลับไปแต่กลับมาข้อความจากเฮทเธอร์ส่งมาเสียก่อน

          รอแป๊บ กำลังไป

แอสทริดอมยิ้มกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเพื่อนรักก่อนจะส่งอีโมจิหน้ายิ้มกลับไป
สาวผมบลอนด์ยืนเอาหลังพิงพนังข้างทางเข้าโรงยิม ในนั้นมีพวกเชียร์ลีดเดอร์กำลังซ้อมกันอยู่ แน่นอนว่าแอสทริดไม่ค่อยถูกกับสาว ๆ พวกนั้นเท่าไหร่นัก ตาสีฟ้าของเธอฉายแววเศร้าสร้อยเมื่อมองไปที่ตุ๊กตามังกรสีดำที่อยู่ในมือ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
วันนี้ทั้งวัน...ฮิคคัพหลบหน้าเธอ
ตอนเช้าที่บังเอิญเดินสวนกัน เธอรู้สึกแบบนั้น และนั่นทำให้เธอหงุดหงิด แต่พอคิดได้ว่ามันถูกต้องแล้วที่เป็นแบบนั้นเธอจึงสงบลงได้บาง ที่แย่คือ...อยู่ ๆ เธอก็ไม่กล้าสู้หน้าเฮทเธอร์
ฮิคคัพกับเฮทเธอร์มีนัยน์ตาสีเดียวกัน สีที่เธอชอบ ทุกครั้งที่เธอมองนัยน์ตาสีเขียวของเพื่อนรัก แอสทริดคิดถึงฮิคคัพ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอหลบหน้าเฮทเธอร์ทั้งวัน เธอไม่อยากยอมรับ แต่เธอชินกับการมาโรงเรียนแล้วถูกเขากวนประสาท ฮิคคัพมักจะป้วนเปี้ยนใกล้เธอเสมอ เพราะแบบนั้นเมื่อถูกเขาเมิน...
เธอจึงทั้งเหงาและ เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
วิชาพละเป็นวิชาเดียวของวันนี้ที่เขาและเธอเรียนด้วยกัน ทุกอย่างดูเหมือนปกติ ฮิคคัพร่าเริง ทุกคนร่าเริง ที่ไม่ปกติคนมีแต่แอสทริด...เธอแอบมองเขาตลอด

เธอกลัวว่าเขาจะหายไปจากชีวิตเธอจริง ๆ ...

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่แอสทริดเก็บกุญแจเขาได้ เธอเห็นตอนเขาทำมันร่วง ตอนแรกแอสทริดไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ ใครจะทึ่มขนาดทำกุญแจรถตกพื้นโดยไม่รู้ตัวบ้าง เพียงแต่หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแอสทริดระลึกได้ว่า เจ้าทึ่มคนนั้นคงเป็นฮิคคัพ เธอจึงเดินย้อนกลับมาที่โรงยิมและพบว่าความคิดของเธอไม่ผิดเลย
แอสทริดยิ้มในตุ๊กตาที่ห้อยกุญแจเมื่อนึกถึงเจ้าทึ่มคนนั้น
“ยิ้มอยู่ได้คนเดียว ยัยผมบลอนด์” แอสทริดเงยหน้ามองตามเสียง สาวสวยผมดำสวมชุดปอม ๆ เชียร์ของโรงเรียนกอดอกมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ด้านหลังเธอมีสาว ๆ ใส่ชุดเหมือนกันยืนอยู่ในท่าเดียวกันอีกสี่คน...แอสทริดโดนล้อมอยู่

---------------------------------------------------------------

ชายผมสีน้ำตาลกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงยิม ฮิคคัพใช้เวลาไม่นานก็มาถึงบริเวณทางเข้าก่อนจะชะงักไปเมื่อพบว่าประตูโรงยิมนั้นปิดอยู่ เขาเป่าลมออกจากปากอย่างเบื่อหน่าย เพราะมันหมายความว่าหากเขาจะเข้าไปด้านใน เขาจำเป็นต้องอ้อมไปใช้อีกประตูหนึ่ง
แต่ทันทีที่เขาหันหลังเตรียมจะอ้อมไปอีกทาง ฮิคคัพได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกระแทกพนังโรงยิมอย่างแรง เสียงที่คล้ายลูกบอล ฮิคคัพคิดว่าบางทีอาจเป็นพวกชมรมวอลเลย์บอลที่อยู่ซ้อมกัน บางทีพวกนั้นอาจแค่ปิดประตูเพราะไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาซ้อม หรือกันลูกบอลกระเด็นออกนอกโรงยิม เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงตรงไปที่ประตูโรงยิมที่ปิดอยู่ และเมื่อดูดี ๆ มันปิดไม่สนิทด้วยซ้ำ ฮิคคัพเตรียมจะเปิดประตูเข้าไปแต่กลับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนจากด้านใน
“ฉันเตือนแล้วใช่มั้ย ว่าอย่ายุ่งกับเขา!! อย่ายุ่งกับฮิคคัพ!!” เสียงแหลมตะโกนตามด้วยเสียงลูกบอลที่กระแทกกับพื้น
เกี่ยวกับฉันหรอ...ฮิคคัพชะงักอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะรีบไปหากุญแจรถแล้วกลับ แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนาเมื่อครู่นั้นทำให้เขาเปลี่ยนความคิด จากที่ตั้งใจจะเปิดประตู ตอนนี้เขาแง้มประตูให้เปิดออกนิดหน่อย หูแนบประตูเพื่อฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่ตาพยายามส่องเข้าไปด้านในจากรอยแง้มเล็ก ๆ ของประตู
เขามองไม่ถนัดนัก ฮิคคัพเห็นเพียงนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งในชุดปอม ๆ เชียร์ยืนอยู่ ก่อนจะแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังสวนออกมา...เสียงของแอสทริด
“ฉันเปล่า!!
นัยน์ตาสีเขียวพยายามมองหาเจ้าของเสียงแต่ไม่พบ บางทีเธออาจโดนสาวปอม ๆ เชียร์พวกนั้นบังอยู่
“นังโกหก! ฉันเห็นเธอกลับพร้อมเขา! เธอกลับกับฮิคคัพ!!” เธอตะเบงเสียง ก่อนจะตรงเข้าไปกระชากบางอย่างจากบางคนที่กองอยู่กับพื้น ฮิคคัพค่อนข้างแน่ใจว่าคน ๆ นั้นคือแอสทริด “และดูนี่สิ! เธอเก็บกุญแจรถเขาไว้!! จะอ่อยเขาไปถึงไหน!!
“หยุด!” ฮิคคัพตะโกนออกไปเมื่อเห็นว่าสาวปอม ๆ เชียร์ยกมือขึ้นมาหมายจะตบคนที่กองอยู่กับพื้น (ซึ่งฮิคคัพค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นแอสทริด) สาว ๆ ที่ยืนล้อมบางคนอยู่ค่อน ๆ หันหลังไปทางต้นเสียง บางคนเหงื่อตก บางคนที่ถือลูกบอลอยู่ถึงกับช็อคจนบอลหลุดมือ สาวผมดำที่ดูท่าทางจะเป็นหัวโจกหันมามองเขาหน้าซีดเผือดเมื่อโดนเขาจ้องอย่างโกรธเกรี้ยว
“ฮะ ฮิคคัพ” เธอเรียกชื่อเขาตะกุกตะกัก “เฮ้ นึกว่าเธอกลับไปแล้วซะอีก”
“เธอทำอะไร” เขาพูดเสียงเรียบ เดินตรงไปทางที่สาว ๆ อยู่ก่อนจะพบสาวผมบลอนด์ที่คุ้นตานั่งกองอยู่กับพื้น ...เป็นแอสทริดจริง ๆ
“มาซ้อมเชียร์ไง” เธอว่าพลางมองตามไปทางที่เขามอง เมื่อรู้ว่าฮิคคัพมองไปที่คนที่เธอและเพื่อน ๆ เพิ่งผลักล้มไป สาวผมดำจึงรีบตรงไปที่แอสทริดก่อนจะทำทีว่าจะประคองเธอ “คือ...แอสทริดเธอมาซ้อมด้วยนะ แต่เหมือนจะ..”
ยังไม่ทันได้พูดจนจบมือของสาวผมดำถูกปัดออกโดยแอสทริด เธอยันตัวเองขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นที่เปรอะตามเสื้อผ้าและกระโปรงออก ก่อนจะก้มหน้าแล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้นโดยไม่พูดอะไร
“แอสทริด!” ฮิคคัพเรียก แต่เธอวิ่งออกจากโรงยิมไปเสียก่อน เขาตั้งใจจะตามเธอออกไปแต่ก็ต้องวิ่งย้อนกลับเข้ามาที่โรงยิม สาวปอม ๆ เชียร์ยิ้มเจื่อนให้เขา ก่อนที่สาวผมดำที่เป็นตัวหน้าหน้าจะพูดอะไร เขาเดินตรงไปที่เธออย่างโกรธจัดแล้วดึงกุญแจรถเขาออกจากมือเจ้าหล่อนอย่างแรงจนเธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“อย่ายุ่งกับแอสทริดอีก” เขาพูดอย่างเย็นชา สาว ๆ พยักหน้าช้า ๆ เมื่อฮิคคัพวิ่งออกไป สาวผมดำถึงกับปล่อยโฮออกมา

---------------------------------------------------------------
           
สาวผมดำมองเพื่อนรักที่นั่งอยู่เบาะหลังอย่างเหม่อลอยผ่านกระจกมองหลัง เฮทเธอร์สังเกตว่าตาของแอสทริดมีน้ำตาเอ่ออยู่ เพื่อนรักของเธอพยายามอย่างมากที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา
เฮทเธอร์เป็นห่วงว่าแอสทริดกับฮิคคัพจะทะเลาะกันอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอบอกให้ฟิชเลกมารับเธอที่โรงเรียน ตอนที่เธอจะกลับไปดูสถานการณ์ที่โรงยิม เฮทเธอร์ก็ถูกชนอย่างจังกับสาวผมบลอนด์ที่วิ่งมาจากทิศทางที่เธอกำลังจะไป ทั้งคู่ล้มลงกับพื้น
เธอถึงกับช็อคเมื่อรู้ว่าสาวผมบลอนด์คนนี้คือแอสทริดที่สภาพไม่ค่อยดีนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าและขอบตาแดงก่ำ เฮทเธอร์เห็นน้ำตาเอ่ออยู่ในตาสีฟ้าคู่นั้น แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร แอสทริดกลับโผเข้ากอดเธอก่อนจะพูดขึ้นมาเสียก่อน
"พาฉันกลับบ้านที"
แม้จะงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เฮทเธอร์ก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้โดยไม่ซักถามใด ๆ เธอพยักหน้า ค่อย ๆ ประคองเพื่อนรักขึ้นมา พาไปที่รถของฟิชเลกที่จอดรออยู่หน้าอาคารเรียน
เมื่อถึงบ้านของแอสทริด เธอเพียงเอ่ยขอบคุณทั้งคู่ก่อนจะลงจากรถไป เฮทเธอร์ไม่ลืมบอกให้เธอโทรมาหากต้องการอะไร แอสทริดเพียงแต่ยิ้มและพยักหน้าน้อย ๆ เป็นคำตอบก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

แอสทริดเปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างหวาดระแวง มองซ้ายมองขวาเพื่อเช็คว่าแม่ของเธอยังไม่กลับจากที่ทำงาน ก่อนจะแน่ใจว่าแม่ของเธอยังไม่กลับ แอสทริดจึงตรงไปที่ห้องนั่งเล่นหวังจะหายาแก้ปวดกิน แต่เธอถึงกับชะงักเมื่อพบว่าที่โซฟานั้นมีชายผมสีน้ำตาลท่าทางคุ้นตานั่งหันหลังอยู่ก่อนแล้ว
“คุณนายฮอฟเฟอร์สันไปซื้อของ” ชายผมสีน้ำตาลที่นั่งหันหลังอยู่หันหน้ามาคุยกับเธอ “ฉันบอกว่าเธอลืมของไว้เลยเอามาให้ แม่เธอเลยให้ฉันเข้ามารอข้างในก่อนออกไป”
“ไม่ได้ถาม”
“เผื่อเธออยากรู้” ฮิคคัพพูดก่อนจะโยนบางอย่างให้เจ้าของบ้าน แอสทริดรับมันและพบว่ามันคือกระปุกยาแก้ปวด “เผื่อเธอกำลังอยากได้”
“กลับไปได้แล้ว” แอสทริดกอดอกพูดเสียงเรียบ
“ทำไมเธอไม่บอกกฉันเรื่องยัยพวกนั้น” นอกจากจะไม่ทำตามที่บอกแล้ว ฮิคคัพยังถามเธอกลับ “เนี่ยหรอ เหตุผลที่เธอไม่คุยกับฉัน”
“บอกไปแล้วนายทำอะไรได้”
“ปกป้องเธอไง” เขาตอบหน้าซื่อ แม้จะไม่รู้เพราะอะไรแต่แอสทริดกลับใจดีอย่างประหลาด
“ฉันดูแลตัวเองได้”
“วันนี้ยังโดนรุมตบอยู่เลย ถ้าฉันเข้าไปห้ามไว้ไม่...”
“กลับไปซะ” แอสทริดพูดอย่างเย็นชาก่อนเดินเข้าไปที่ครัว จัดแจงรินน้ำใส่แก้วแล้วกินยาที่อยู่ในมือ
ฮิคคัพได้แต่ถอนหายใจ เขาเดินตามเธอเข้าไปในครัว ถือวิสาสะเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำแข็งในช่องทำน้ำแข็งออกมา เขารู้สึกตลอดว่าแอสทริดกำลังมองเขาอย่างไม่พอใจ แต่เขาไม่สน ฮิคคัพเอาน้ำแข็งมาเทใส่ผ้าขนหนูที่เขาขอจากแม่ของแอสทริดมาก่อนแล้ว
“นั่งสิ” ผู้มาเยือนพูดก่อนถอนหายใจยาวอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังพูดกับแอสทริด แน่นอน เธอไม่ทำตามที่เขาบอกอยู่แล้ว “แอสทริดฉันเห็นรอยช้ำที่แขนเธอ เธอต้องเอาน้ำแข็งประคบนะ”
“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงโอเค๊ ? เพราะงั้นออกไปแล้ว”
“แอสทริดเธอช่วยเลิกเป็นแบบนี้ได้มั๊ย” ฮิคคัพพูดอย่างเหลืออด เขาเหนื่อยเต็มทนกับความดื้อรั้นของแอสทริด เหนื่อยกับการที่ต้องมาเถียงกับเธอด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ และเหนื่อยกับการที่ต้องมาเจ็บปวดซ้ำ ๆ เวลาเธอเย็นชาใส่ “อย่างน้อย ๆ ก็เลิกไล่ฉันซักที”
เธอเม้มปากแน่นไม่ต้องการที่จะพูดอะไร ก่อนจะนั่งลากเก้าอี้จากโต๊ะทานข้าวออกมานั่ง ฮิคคัพเห็นแบบนั้นจึงลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆ เธอ ก่อนจะถือวิสาสะจับแขนด้านที่มีรอยช้ำขึ้นมาและค่อย ๆ ประคบอย่างเบามือ แอสทริดนิ่วหน้า สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อผิวถูกความเย็นของน้ำแข็ง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร
เมื่อประคบตามรอยซ้ำที่อยู่ตามแขนเสร็จแล้ว ฮิคคัพไม่วายตรวจดูจุดอื่น ๆ อีก เขาสังเกตเห็นรอยถลอกที่ฝ่ามือของเธอ ก่อนจะได้ทันพูดอะไรแอสทริดก็ดึงมือตัวเองออก
“ขอบใจ”
“แน่ใจว่านะ ว่ามีแผลแค่นี้” ฮิคคัพแสดงความกังวลออกมาอย่างไม่ปกปิด แอสทริดพยักหน้าเป็นคำตอบ เขายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “ดีแล้ว...ที่นี้ เรามาคุยกัน แบบตรงไปตรงมา”
“คิดว่าพูดรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” น้ำเสียงเบื่อหน่ายตอบทันควัน
“นั่นมันก่อนจะเกิดเรื่องในโรงยิม” เขาสวนกลับ “แอสทริดเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ หรืออย่างน้อยก็เคยเป็น ทำไมมีอะไรเธอไม่บอกฉันล่ะ”
“ฉันแค่อยากจะอยู่อย่างสงบ ๆ ฮิคคัพ” แอสทริดพูดพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันอยู่แบบสงบมาตลอด จนมารู้จักนายกับเฮทเธอร์...ชีวิตสงบ ๆ ของฉันถูกแฟน ๆ ของนายก่อกวน ส่งข้อความมาด่าบ้างล่ะ โทรมาบ้างล่ะ ฉันทนไม่ไหวฮิคคัพ ฉันอยากได้ชีวิตฉันคืน”
แอสทริดพูดเสียงสั่นเครือ เธอเองก็เหนื่อยกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน ฮิคคัพก้มหน้า รับฟังสิ่งที่เธอจะพูดต่อ “ยอมรับว่าตอนอยู่กับพวกนายมันสนุกมาก ชอบเลยล่ะ แต่...ก็นั่นแหละ ทีนี้เข้าใจแล้วใช่มั๊ย ตั้งแต่แยกตัวออกมาจากนายชีวิตฉันสงบขึ้น ฉันโอเคตรงจุดนี้”
“แล้วเธอชอบมันมั๊ยล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ตรงจุดที่เธอโอเคน่ะ”
เธอนิ่งเงียบ รู้สึกถึงความร้อนที่รอบดวงตา แอสทริดรู้ดีอยู่เต็มอกว่าเธอไม่ชอบมันเลย ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน เธอไม่ชอบค่อนไปทางเกลียดชีวิตที่ไม่มีฮิคคัพ อาจเพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนที่เข้าใจเธอ หรือเธออาจรู้สึกกับเขามากกว่าเพื่อน...เธอไม่สามารถรู้ได้เลย
“แต่ฉันไม่โอเคตรงจุดนั้นด้วยหรอกนะ” แอสทริดก้มหน้า มองมือของฮิคคัพที่เลื่อนมากุมมือเธอไว้ “ฉันยอมรับได้ที่เธอเฟดตัวออกมาแอสทริด ถ้าแค่ต้องการความสงบ ที่ไม่โอเคคือการที่เธอเจอเรื่องแบบนั้นแล้วไม่บอกฉัน เธอทั้งเมินทั้งเย็นชาใส่...เอาตรง ๆ คือ...มันเจ็บนะแอสทริด เธอนึกไม่ออกหรอก ว่าถูกคนที่ชอบเมินมันเจ็บแค่ไหน”
แอสทริดสบตาเขาทันทีเมื่อฮิคคัพพูดจบ สีหน้าประหลาดใจแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง นี่เขากำลังสารภาพรักหรอ? กับเธอน่ะนะ? หรือเขาต้องการจะสื่ออะไร? คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเธอพร้อมกัน และยิ่งไปกว่านั้น ในหัวของเธอกลับมาคำถามหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหน้าร้อนฉ่า
...แล้วฉันชอบเขาหรือเปล่า
ฮิคคัพสังเกตว่าแก้มของคนตรงหน้าเริ่มขึ้นสี ตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นไข้แต่พอคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งเผลอพูดอะไรออกไปนั่นทำให้เขาเลิ่กลั่ก ความรู้สึกร้อน ๆ เริ่มแผ่ไปทั่วหน้า เขาเม้มปากออกรีบปล่อยมือที่กุมมือเธอเอาไว้ สายตามองไปทางอื่น
“แบบว่า...ฉันกลับก่อนนะ” เป็นครั้งแรกที่ฮิคคัพขอกลับก่อนโดยไม่รอเธอไล่ แต่ยังไม่ทันไม่ลุกไปไหน กลับถูกมือของคนตรงหน้ารั้งไว้ก่อน แอสทริดดึงแขนเสื้อเขา กระตุกมันเบา ๆ เชิงบอกให้เขานั่งลง ฮิคคัพทำตามแต่โดยดี
พวกเขาไม่สบตากันและกัน ต่างคนต่างนิ่งเงียบ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเงียบใส่กัน...ครั้งนี้มันต่างออกไป
แอสทริดอธิบายสิ่งที่ตนเป็นอยู่ไม่ถูก เวลาที่เธอกับฮิคคัพเงียบใส่กันนั้นหมายความว่า เธอไม่ต้องการพูดกับเขา แต่ครั้งนี้เธออยากคุยกับเขา อยากคุยกับฮิคคัพ อยากถามเรื่องที่เขาพูดเมื่อกี้ เรื่องที่ว่าคนที่ชอบนั้นหมายถึงเธอหรือเปล่า แต่เธอพูดไม่ออก...

เพราะกลัวว่าคำตอบของเขาจะทำให้เธอผิดหวัง แอสทริดแค่รู้สึกไม่อยากเป็นคนโง่ที่คิดไปเอง

เช่นเดียวกับฮิคคัพ...เขากลัวเหลือเกินว่าหากแอสทริดถามถึงเรื่องที่เขาพลั้งปากไปเขาจะตอบมันไปยังไง แล้วหากเขาพูดไปตามตรงว่าเขาชอบเธอแบบที่มันมากกว่าเพื่อน เธอจะว่ายังไง ? ปฏิเสธเขาหรือเปล่า ? ฮิคคัพเองก็ตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเธอซักวัน แต่เป็นวันที่เขามั่นใจว่าแอสทริดเองก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าแอสทริดเกลียดเขาหรือเปล่า...
“ฮิค...” แอสทริดเรียกเสียงเบา ฮิคคัพเริ่มรู้สึกว่าเหงื่อออก เขากำลังกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ เพราะแบบนั้นก่อนที่แอสทริดจะพูดอะไรต่อเขาจึงรีบเอามือปิดปากของเธอ แอสทริดผงะกับท่าทางของเขาก่อนมองกลับด้วยความงุนงง
“ก่อนเธอจะว่าอะไร ฉันขอพูดก่อน” เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด รวบรวมความกล้า สบที่นัยน์ตาสีฟ้าของเธอ “ฉันชอบเธอ แอสทริด...ชอบมาตลอด”
ตาสีฟ้าเบิกกว้าง แอสทริดทำตัวไม่ถูกกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น นี่เธอเพิ่งถูกฮิคคัพสารภาพรักหรอ?
แอสทริดเคยถูกสารภาพรัก แต่เธอไม่ลังเลเลยที่จะปฏิเสธคนพวกนั้น แต่กับฮิคคัพมันต่างออกไป เธอไม่รู้ควรตอบเขาไปยังไง แต่ในใจลึก ๆ แอสทริดรู้สึกว่า เธอไม่ต้องการที่จะปฏิเสธเขา

ไม่อยากปฏิเสธฮิคคัพ...

“เธอ...ไม่ต้องตอบฉันก็ได้” ฮิคคัพชิงพูดก่อนเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย “ไม่ได้เตรียมใจมาฟังเธอปฏิเสธ เพราะงั้น...ฉันกลับจริง ๆ แล้วนะ”
ฮิคคัพไม่รอฟังคำตอบใด ๆ เขาลุกพรวดจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากครัวอย่างไว ตอนที่กำลังจะเปิดประตูบ้านออกไปเขาบังเอิญชนกับแม่ของแอสทริดที่เปิดประตูเข้ามาพอดี ฮิคคัพรีบขอโทษและบอกลาโดยไม่รอให้เจ้าของบ้านถามอะไร ตอนนั้นเองที่แอสทริดหลุดจากภวังค์
“เขารีบไปไหน” คุณนายฮอฟเฟอร์สันถาม เดินเข้าไปในครัวเพื่อเก็บของที่ซื้อมา
“ไม่รู้ค่ะ” แอสทริดตอบ เธอรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขก หยิบกระเป๋าที่เธอวางทิ้งไว้ก่อนวิ่งขึ้นชั้นสองแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตน
คุณนายฮอฟเฟอร์สันมองท่าทางรีบร้อนของลูกสาวก่อนยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“เรื่องของวัยรุ่นสินะ”

‘22 : 30’

ตัวเลขบอกเวลาปรากฏอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอล แอสทริดมองมันก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดหัว พยายามข่มตานอนเป็นครั้งที่สามของคืนนี้

แอสทริด ฮอฟเฟอร์สัน นอนไม่หลับ ...

เธอเอาแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ และทุกเรื่องเกี่ยวกับชายผมสีน้ำตาลกับนัยน์ตาสีเขียว
...ตอนเช้า และตลอดวัน ฮิคคัพหลบหน้าเธอ
...ตอนเลิกเรียน ฮิคคัพโผล่มาช่วยเธอตอนโดนพวกเชียร์ลีดเดอร์รุม
...ตอนเย็น ฮิคคัพมาหาเธอที่บ้าน ช่วยทำแผล
...ก่อนจะกลับ ฮิคคัพบอกชอบเธอ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้วันเดียวทำเอาเธอสับสนไปหมด
แอสทริดกำลังคิดว่า เธอควรตอบเขาไปว่าอย่างไร ? หากปฏิเสธ ชีวิตเธอคงกลับมาสงบอีกครั้ง และคนอย่างฮิคคัพ เขาป็อปอยู่แล้ว เขาคงเลิกยุ่งกับเธอและหายไปจากชีวิตเธอตลอดกาล...ซึ่งข้อนี้ ทำให้แอสทริดรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด
และหากเธอยอมรับความรู้สึกเขา พวกเขาทั้งคู่คงคบกัน แต่แล้วยังไงต่อ เธอคงถูกแฟน ๆ ของเขาระรานต่อไป...ไม่สิ ต้องมากกว่าเดิมแน่ ๆ ชีวิตสงบสุขของเธอจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์
ก่อนที่แอสทริดจะทันได้ตัดสินใจอะไร โทรศัพท์ของเธอก็แจ้งเตือนข้อความเข้าเสียก่อน ตาสีฟ้าสวยหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อเจอกับแสงไฟในโทรศัพท์ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าข้อความนั้นส่งมาจากใคร แอสทริดปลดล็อกหน้าจอและกดเข้าไปดูมันทันที

ข้อความจากฮิคคัพ
H : เฮ้ แอสทริด ไม่รู้ว่าเธอนอนหรือยัง แต่ฉันส่งมาทิ้งไว้ เธอตอบตอนเช้าก็ได้
     เรื่องฉันบอกเธอไปเมื่อตอนเย็น ที่ว่าชอบเธอ ฉันพูดจริงนะ
     หลังบอกเธอไป ฉันอยากให้เธอรู้นะว่า เธอไม่ต้องรับความรู้สึกฉันแบบนั้นก็ได้
     แค่ให้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ไหม ?

แอสทริดอ่านข้อความ อมยิ้มให้กับมันอย่างไม่รู้ตัว เธอเพียงรู้สึกว่ามันน่ารักดี ก่อนเธอจะส่งข้อความกลับไป ข้อความจากเขาก็เด้งขึ้นมาอีก

H : ตื่นอยู่หรอ?
A : ใช่
H : งั้นคำตอบว่าไง ?
A : ฉันขอคิดอีกหน่อย
H : โอเค

แอสทริดยิ้มกับข้อความของฮิคคัพ เธอยิ้มกว้างจนรู้สึกตัว เธอรู้ดีว่าเธอไม่ได้รู้สึกมีความสุขแบบนี้มานานตั้งแต่เธอเมินใส่เขาแล้ว หรือบางที...เธอเองก็อาจชอบเขาเหมือนกัน ?

H : คิดเสร็จหรือยัง ?
A : ฮิคคัพ มันเพิ่งผ่านมาแค่สามนาที
H : แอสทริด ฉันขอแค่ความเป็นเพื่อนเอง เหมือนเมื่อก่อน
A : ฮิคคัพ, ไม่ใช่ว่านายกับฉันก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้วหรอ ?
แอสทริดขมวดคิ้วเมื่อข้อความที่ส่งไปขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ไม่มีการตอบกลับ แต่ไม่นานก็หลุดยิ้มออกมาเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับโดยที่ยังยิ้มกว้าง
(“เราดีกันแล้วใช่มั๊ย?”) เสียงร่าเริงจากปลายสายสวนขึ้นทันที บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังดีใจสุด ๆ
“ฉันพิมพ์ไปว่าไง”
(“งั้นฉันไปกินข้าวกลางวันกับเธอได้แล้วใช่มั๊ย”)
“ชัวร์”
(“ไปเที่ยวด้วยกัน”)
“น่าจะ” เธอพลางเล่นผมตัวเอง “ขึ้นอยู่กับว่าไปที่ไหนด้วย”

แอสทริดล้มตัวลงบนที่นอนอีกครั้ง กลิ้งไปกลิ้งมาขณะที่ยังคุยโทรศัพท์กับฮิคคัพ พวกเขาคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ช่วงที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แอสทริดยอมรับ วันนี้เป็นวันที่เธอได้ยิ้ม หัวเราะและมีความสุขที่สุดตลอดช่วงปีที่ผ่านมา
“นายบอกว่าชอบฉันตั้งแต่ตอนไหนนะ?” แอสทริดถามพลางหัวเราะไปด้วย “ถามจริง นายนี่ชอบคนง่ายเนอะ”
(“ไม่ได้เป็นกับทุกคน”) เสียงบ่นอุบอิบดังมาจากอีกฝั่ง แอสทริดหยุดขำ เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มอีกแล้ว (“งั้นพรุ่งนี้ ไปโรงเรียนด้วยกันนะ”)
“มารับใช่มั๊ย?”
(“ชัวร์”)
“บางทีนะ ฮิคคัพ” แอสทริดเม้มปาก สูดหายใจเข้า เธอรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้า “ฉันอาจจะชอบนายเหมือนกันก็ได้”
ปลายสายเงียบไปครู่...แอสทริดรู้สึกเหมือนเวลาหยุด
(“แอสทริด เธอว่า..”) ฮิคคัพยังพูดไม่ทันจบ เธอกลั้นใจตัดสายทิ้งทันที เหมือนปลายทางที่ถูกตัดสายไปดื้อ ๆ จะไม่ยอมแพ้ ฮิคคัพพยายามโทรกลับ แต่แอสทริดก็ยังตัดสายทิ้ง ก่อนโยนโทรศัพท์ไปอีกฝากของเตียง

พูดอะไรไปเนี่ยเรา แอสทริดกรีดร้องในใจพลางเอาหน้าซุกหมอน ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมฮิคคัพถึงมีอาการเลิ่กลั่กเมื่อพลั้งปากบอกชอบเธอ แล้วฉันจะทำหน้ายังไงตอนเจอกันเล่า!!’

เธอพยายามข่มตาหลับอีกรอบ แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาควานหาโทรศัพท์เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน แอสทริดไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นข้อความจากใคร เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความก่อนโยนมันทิ้งเมื่อรู้สึกหน้าร้อนกว่าเดิม เธอรู้แน่ว่าตอนนี้หน้าเธอต้องแดงมาก ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย แอสทริดคว้าตุ๊กตามังกรสีฟ้ามากอด เอาหน้ามุ่น ๆ กับมันก่อนเข้าสู่ห้วงนิทรา

            ข้อความจากฮิคคัพ


            H : Goog Night, M'lady.




(อยากใส่เฉย ๆ)

END.
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมมันยาวนานแบบนี้เล่า โฮวววววววววววว TT
ทั้งพล็อต ทั้งคาร์อาจไม่นิ่งเพราะไม่ได้เขียนเวลาเดียวกัน ขอโทษฮับ 
ถึงตรงนี้มีข้อชี้แจงเล็กน้อยค่ะ
1. ไม่แน่ใจว่าควรใช้คำว่าม.ปลายหรือเกรดกับเอยูนี้ดี ก็เลยไม่ได้ระบุแน่ชัด
แต่เรื่องนี้ทุกคนอายุ 18 
2. ถ้านับดี ๆ คือฮิคคัพอยู่แบบกวนติงแอสทริดมาเป็นเวลาประมาณปีครึ่ง
3. ชื่อเรื่องกับเนื้อเรื่องไม่ไปด้วยกันเท่าไหร่ แล้วจริง ๆ ก็ตั้งใจให้ไม่เกิน 15 หน้าด้วย
4. เอยูนางเงือกอัพแน่นอนค่ะ แต่ขอแก้พล็อตก่อน

💞💞💞💞💞  #Hiccstrid   #ฮิคทริด  💞💞💞💞💞

ความคิดเห็น

Popurlar Posts

[แปลเพลง]「LOSER」- 米津玄師

[แปลเพลง] 灰色と青 - 米津玄師(+菅田将暉)